Marketing Coach Aj.Nong (อ.โหน่ง) แหล่งรวมความรู้ Digital Marketing
  • Home
  • About Us
  • Training
    • คอร์ส "ยิงโฆษณา Facebook Ads ให้ปัง...ด้วย Re-Targeting และ Facebook Conversion
    • Course พรีออเดอร์ญี่ปุ่น Pre-Order Japan
  • Contact Us
  • Online Marketing Service
    • Training Workshop ที่ผ่านมา
    • สมัครใช้งาน AR Yellow
    • บริการลงโฆษณา Facebook
  • Online Marketing Blog
  • Consulting - บริการให้คำปรึกษาธุรกิจ
    • 1-on-1 Digital Mkt Training&Consulting
    • Digital Mkt Consulting for BUSEM >
      • Facebook Ads & Line@ Convergence Workshop
  • Digital Marketing Research - ข้อมูลวิจัยการตลาดออนไลน์

Digital Marketing Secrets

7 หัวใจสำคัญที่ทำให้ยอดขายปัง....ด้วย Facebook Advertising

3/1/2017

Comments

 

ก่อนที่จะเสียตังค์ เรามาเรียนรู้กันก่อนดีกว่าไหม ปัจจัยสำคัญที่ลงโฆษณา Facebook Ads แล้วขายได้..

Picture
สำหรับครั้งที่แล้ว เราได้คุยกันไปแล้วกับ 10 เรื่องที่ควรหลีกเลี่ยงให้ไกล ถ้าต้องการกำไรจากโฆษณา Facebook Ads มาครั้งที่เราจะมาคุยกันถึง 7 หัวข้อสำคัญที่จะทำให้การโฆษณาบน Facebook ประสบความสำเร็จ
ผมขอเรียกมันว่า “TAFTSIC” เพื่อให้จดจำกันได้ง่ายๆแล้วกันนะครับ โดยเป็นตัวย่อของสิ่งเหล่านี้ครับ
1.Targeting (กลุ่มเป้าหมาย)
2.Ad Type (รูปแบบของโฆษณา)
3.Funnels (กระบวนการในการซื้อของลูกค้า)
4.Tracking and Reporting (การติดตามและอ่านผล)
5.Split Testing (การทดสอบโฆษณา)
6.Imagery (การใช้ภาพ วีดีโอ)
7.Copy (การทำซ้ำ)

ทีนี้เรามาดูกันแต่ละหัวข้อกันเลยครับ...

1.Targeting (กลุ่มเป้าหมาย) ​

Picture
เรื่องกลุ่มเป้าหมาย (Targeting) คือหัวข้อแรกที่เราต้องพูดถึง เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่ทำให้การลงโฆษณาไม่ WORK

ผมเชื่ออย่างยิ่งว่า Targeting เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวใน Facebook Ads ครับ คุณสามารถสร้างโฆษณาที่ดีที่สุดสำคัญสินค้าที่ดีที่สุดได้ แต่ถ้ามันไปหาลูกค้าผิดคนล่ะ !!
​

ความแตกต่างระหว่างกลุ่มคนที่รู้จักสินค้า/บริการของคุณ กับ คนที่ไม่รู้คุณเลย เป็นช่องว่างที่ใหญ่มาก ผมเคยเห็นซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่คนลงโฆษณาใช้เวลาและความพยายามไปอย่างมากกับกลุ่มเป้าหมายแบบ Lookalikes หรือกำหนด Interests แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับไม่ใกล้เคียงกับกลุ่มเป้าหมายที่ตั้งใจไว้เลย
Picture
รูปด้านบนเป็นตัวอย่างแรกที่บอกว่า โฆษณาหากลุ่มเป้าหมายที่เข้าเยี่ยมชมเวปไซด์เรา จะได้ต้นทุนที่ถูกกว่าเลือกเป้าหมายแบบ Lookalikes หรือ Interests
 
แต่อย่างไรการกำหนดเป้าหมายไปที่ กลุ่มเป้าหมายแบบ Interests และ Lookalike ในระยะยาวเป็นเรื่องไม่ดี คุณอาจจะประสบความสำเร็จกับกลุ่มนี้ในวันนี้ หรือพรุ่งนี้ แต่จะประสบความสำเร็จ ขายได้อย่างยั่งยืนด้วยกลุ่มเป้าหมายที่มี Engagement กับคุณ อาทิ อ่านเนื้อหาของคุณและให้ e-mail บนเวปไซด์ หรือสั่งซื้อสินค้ากับคุณ
 
แม้ว่ากลุ่มคน (Targeting) ที่เข้าไปที่เวปไซด์ของเราจะมีขนาดเล็กมาก ถ้าเทียบกับกลุ่ม Lookalike หรือ Interests และนั่นหมายความว่า เราต้องค่อยๆสร้างกลุ่มคนนี้เพื่อความสำเร็จในระยะยาว
 
เราสร้างกลุ่มคนที่เข้าไปที่เวปไซด์เราเป็นเป้าหมายแรก (ซึ่งคุณต้องติด Facebook Pixels ที่เวปไซด์คุณก่อนน้า ถึงจะ Set up ส่วนนี้ได้ ใครยังไม่รู้เรื่อง คลิ๊ก เรียนรู้ Facebook Pixels)

แต่ถ้าคุณมีงบประมาณน้อย ลองมาจัดลำดับความสำคัญของกลุ่มเป้าหมายกันดูดังนี้ครับ (How I prioritize Facebook ad targeting?)

a.) Website Custom Audiences: Website Custom Audiences คือกลุ่มคนที่เข้าเยี่ยมชมเวปไซด์เรา,คนที่กดสมัคร Subscriptions และคนที่สั่งซื้อสินค้าจากเรา ซึ่งกลุ่มเป้าหมายนี้เป็นกลุ่มที่เป็นลูกค้าแท้จริงของเรา
Picture
สิ่งที่แจ่มที่สุดคือฟังก์ชั่น Website Custom Audiences จะให้คุณสามารถตรวจสอบ หน้าในเวปไซด์ที่มีคนเข้าไปชม ความถี่ของกิจกรรมบนเวปไซด์ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากๆ ที่เราสามารถจับกลุ่มผู้สนใจที่เหมาะสม เพื่อลงโฆษณาในแต่ละ Campaign
 
b.) Data Custom Audiences: Data Custom Audiences ทำให้เราสามารถเลือกกลุ่มคน หรือเลือกคนที่อยู่ใน Customers list เป็น Function ที่ดีแต่มันสามารถกำหนดผ่าน Website Custom Audiences ได้ง่ายกว่า (ใครงง ก็ไม่ต้องสนใจครับมันเหมือน a.) ข้ามไปได้)
 
c.) Page Engagement Custom Audiences: ฟังก์ชั่นนี้จะช่วยให้เราเลือกกลุ่มคนที่มีส่วนร่วมใน Facebook Page ของเรา, มีส่วนร่วมใน Post หรือ Ads หรือส่ง Message Inbox หรือเข้าดู Facebook Page หรือ คลิ๊ก Call-to-action บนเพจของเรา
​
Picture
หมายเหตุ : ขณะที่กลุ่มคนที่เข้าเยี่ยมชมเวปไซด์เรา เป็นกลุ่มลูกค้าตัวจริงอยู่แล้ว ดังนั้นอาจไม่จำเป็นต้องมี Engagement บน Facebook Page ของเราก็ได้ ซึ่งแบ่งแยกจาก a.)
​
สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับฟังก์ชั่น Page Engagement Custom Audiences นั่นคือ คนกลุ่มนี้คือคนที่เคยมี Engage กับเพจของเรามาก่อนแล้ว และมี Engage อีกเรื่อยๆ นั่นคือเป็นกลุ่มคนที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของเราอย่างแน่นอน (แม้จะไม่ได้เข้าไปที่เวปไซด์เรา แต่ก็ยังถือว่าเป็นลูกค้ามุ่งหวังได้)
 
d.) Lead Ad Custom Audiences: ถ้าคุณใช้ Lead Ads คุณต้องสร้าง “Create Audiences of those who open lead ad forms or open and submit”
กลุ่มเป้าหมายนี้จะมาจาก คนคลิ๊กเปิด form หรือ กรอกข้อมูล (Submit form) Facebook จะมองว่าคนกลุ่มนี้สนใจ สิ่งที่เรานำเสนอ ซึ่ง Lead Ad นี้สามารถนำมาทำการตลาด e-mail marketing ได้ในสเตปต่อไปด้วย (คุณคลิ๊กเปิด form ก็กลายเป็น Target เค้าไปเรียบร้อยแล้วน้า หุหุ)
​
Picture
e.) Video View Custom Audiences: ผมทราบดีว่าผู้ลงโฆษณาหลายๆคน ได้พยายามสร้างกลุ่ม Audience ที่เป็นกลุ่มลูกค้าที่แท้จริง แม้ว่าคุณจะพยายามดึงคน (Traffic) เข้ามาด้วยข้อมูลที่เป็นประโยชน์ แต่ต้นทุนการโฆษณาก็ยังสูง ทำให้การสร้าง Website Custom Audiences ทำได้ช้าและมีค่าใช้จ่ายสูง
​
Picture
Video เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับ ขั้นตอนตัดสินใจซื้อในกระบวนการซื้อของลูกค้า (Top-of-the-funnel option) คุณสามารถสร้าง Audiences คนที่ดู Video ของเราตามระยะเวลาในการดู Video ได้ (create audiences of people based on how much of your video they watched) แม้ว่ากลุ่มคนเหล่านี้ อาจจะไม่ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเราเท่าใด แต่วิธีนี้จะทำให้เราสร้างกลุ่ม Audiences ที่สนใจสินค้าเรา ได้อย่างรวดเร็จและใช้ค่าใช้จ่ายน้อยกว่ามาก
 
f.) Canvas Custom Audiences: Facebook Canvas คือ รูปแบบโฆษณารูปแบบหนึ่งที่อนุญาตให้นักการตลาดบอกเล่าเรื่องราวแบบมีส่วนร่วม (Interactive story) โดยจุดเด่นของรูปแบบนี้คือ สามารถนำเสนอรูปแบบ Media ได้หลากหลายรูปแบบ โดยไม่ต้องเข้าไปที่เวปไซด์ของเรา
​
Picture
การสร้าง creating an audience of anyone who opens your Canvas คุณสามารถสร้างใน Extension of Website Custom Audiences. ได้ ลองคลิ๊กไปเรียนรู้กันครับ
 
g.) Page Like/Fans : มีช่วงเวลาหนึ่งที่การสร้าง Like หรือสร้างจำนวน Fanpage รุ่งเรือง คนแข่งขันกันหา Like หาจำนวน Fanpage คนที่มี Like เป็นแสนแสดงถึงความน่าเชื่อถือ แต่ ณ ปัจจุบัน ผมไม่มั่นใจว่ามันจะเป็นเช่นนี้หรือไม่
ปัจจุบัน Quality ของ Audiences เป็นเรื่องที่สำคัญกว่า !! ในอดีตคนลงโฆษณา จะสร้าง Fanpage ด้วยต้นทุนที่ต่ำที่สุด โดยมีการซื้อ Like เข้ามาให้ Page เติบโตมีคน Like Page มากที่สุด แต่วิธีนี้จะไม่ได้นำกลุ่มลูกค้าตัวจริงเข้ามาเลย (ณ ปัจจุบัน Facebook Ban กลุ่มคนที่เพจซื้อเข้ามา คนที่ไม่ active หรือพวก Zombie ที่ไม่มีตัวตน สร้างมาเพื่อไป like page เท่านั้น ทำให้บางเพจจาก Fanpage ล้านกว่าคน เหลือไม่กี่แสนก็มี)
 
h.) Lookalike Audiences: ฟังก์ชั่น Lookalike Audiences เป็นกระบวนการอัตโนมัติที่ดึงกลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจ (Interests) หรือพฤติกรรม (Behaviors) ที่ใกล้เคียงกับที่เรากำหนด   **ฟังก์ชั่นนี้สำหรับกลุ่มคนที่กำลังจะซื้อแล้วเท่านั้น**  
 
จุดเด่นของฟังก์ชั่น Lookalike นี้จะช่วยในกรณีที่เราสร้างกลุ่มเป้าหมายขึ้นมา แม้จะมีขนาดเล็กแต่เป็น Ideal Targeting (กลุ่มเป้าหมายในฝัน) ที่จะซื้อสินค้าเราจริงๆ เราสามารถใช้ Lookalike สร้างกลุ่มแบบเดียวกันนี้ขึ้นมา อย่างไรก็ตาม เราไม่ควรใช้เงินไปกับกลุ่ม lookalike มากจนเกินไป (เพราะกลุ่มนี้ก็ยังไม่ชัวร์จริงๆนั่นเอง Facebook อาจจะมั่วมาก็ได้ 55)
 
i.) Interests: เมื่อครั้งแรกๆ ที่ Facebook ให้เราสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายตาม Interests and behaviors ได้นั้น พวกเรานักโฆษณาคิดกันว่ามันเป็นสิ่งที่แจ่มที่สุด และน่าจะได้ลูกค้าที่ตรงเป้าหมายมากที่สุดแล้ว แต่...จริงๆมันยังมีวิธีที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่านี้มาก แล้วทำไมเราไม่ทำวิธีที่ได้ผลมากกว่าล่ะ ? (หุหุ สำหรับเมืองไทยยังใช้ Interests เป็นปัจจัยหลักในการโฆษณาอยู่เลย)

2. Ad Type (รูปแบบของโฆษณา) ​

Picture
มีผู้คนถามมาเยอะว่า “Ad แต่ละแบบมีประสิทธิภาพต่างกันอย่างไร ?” ผมจะบอกว่า คุณอาจจะเข้าใจผิดอยู่ซักหน่อย !!
 
อย่างแรก คุณต้องมั่นใจว่าคุณใช้ ad type ทีเหมาะสม ตรงกับวัตถุประสงค์ของคุณหรือป่าว อาทิเช่น
​

ถ้าเป้าหมายคุณคือ Conversion ให้ใช้ Link
ถ้าเป้าหมายคือ Traffic ให้ใช้ Link หรือ Corousel Ad
ถ้าเป้าหมายคือดู Video ก็ควรใช้ Video View
แต่ถ้าเป้าหมายคือ Engagement ก็ให้ใช้ Image หรือ Video
 
นั่นคือสิ่งที่คุณต้องจำให้ได้ แต่ไม่เสมอไป ถ้าพฤติกรรมคนเล่น Facebook เปลี่ยนไป
 
จากที่เราได้พูดถึงก่อนหน้านี้ ความผิดพลาดของนักโฆษณาที่เกิดขึ้นบ่อยๆคือ เค้าได้ยินมาว่า Video Ads ดี ทำแล้วขายได้ เราก็จะทำบ้างใช้ Video เพื่อให้ขายได้ แต่ในกรณีส่วนใหญ่ Video ทำให้คนสนใจดู Video มากกว่ามาคลิ๊กปุ่มเข้าเวปไซด์บน Video หรือคลิ๊ก link (จริงหรือป่าวล่ะ)
 
แต่นั้นไม่ได้หมายความว่า คุณไม่ควรใช้ Video view Ads ขอแค่มันเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่เราตั้งไว้เท่านั้น
​

3.Funnels (กระบวนการในการซื้อของลูกค้า) ​

Picture
Concept ของ Sale Funnel หรือ Facebook Ad Funnels เป็นหลักสำคัญในการเลือกกลุ่มเป้าหมาย แต่ถ้าคุณไม่รู้ว่า Sale Funnels หรือ Ad Funnels คืออะไร คุณไม่สามารถประสบความสำเร็จกับ Facebook Ads ได้เลย (คลิ๊ก เรียนรู้ Facebook Ad Funnels)
 
++++ มีผู้คนมากมายที่ใช้ Facebook Ads เพื่อขายอย่างเดียว ซึ่งมันไม่ใช่ Funnel Concept เอาเสียเลย
++++ มีคนจำนวนมหาศาลใน Facebook ที่พร้อมเป็นลูกค้าคุณ แต่ปัญหาคือความเข้าใจผิดว่า ถ้าลูกค้ามีความอยากที่จะซื้อ เค้าจะออกไปตามหาและซื้อสินค้านั้นๆ ซึ่งมันไม่เป็นความจริง !!
 
ผู้คนต่างๆอยู่ในสเตปที่ต่างกันในการซื้อ เราต้องตอบสนองกับลูกค้าในแต่ละสเตปที่แตกต่างกัน
 
นั่นกลับมาที่ผมบอกคุณในตอนต้นว่า Audiences ที่มีโอกาสซื้อสินค้าของคุณมากที่สุด คือคนที่คลิ๊กเข้าไปในเวปไซด์ของคุณ ถ้าคุณไม่สามารถแบ่งลูกค้าตาม Sale Funnels ได้ กลุ่ม Audience ของคุณจะมีขนาดใหญ่ และต้องเสียค่าโฆษณาอย่างมากถึงจะสื่อสารได้ทั่วถึง
 
นั่นเป็นสาเหตุที่ผมต้องสร้าง Campaign ครั้งละ 2-3 Campaign ที่แตกต่างกันไปตามวัตถุประสงค์ พร้อมกันดังนี้
-         Top of the funnel (website clicks, video views or engagement)
-         Email collection (registration, leads, opt-ins)
-         Sale
​

4.Tracking and Reporting (การติดตามและอ่านผล) ​

Picture
โอ้....อันนี้แหล่ะสำคัญที่สุด แต่คนทั่วไปมักไม่ได้ให้ความสำคัญ และแน่นอนที่สุด เราต้องใช้ Facebook Pixel ในการวัดผล Track Conversions
 
ผมไม่ได้บอกว่า Custom Conversion หรือ Standard Events หรือแบบไหนถึงจะดี แต่ผมบอกได้ว่า คุณต้องใช้ Facebook Pixel อย่างน้อย อย่างใดอย่างหนึ่ง
 
ถ้าคุณคิดว่า Google Analytics ก็เพียงพอแล้ว คุณคิดผิดครับ !!! ถ้าการวิเคราะห์ผลของคุณอ้างอิงจาก Google Analytics อย่างเดียว คุณก็ไม่สามารถอ่านผลที่แท้จริงจาก Facebook ได้
 
“คุณต้องเข้าใจว่า Conversion ไม่ใช่แค่ Result จาก Direct Traffic”
ส่วนที่แตกต่างกันของ Google Analytic กับ Facebook Reports นั่นคือ ถ้ามีใครมองเห็นโฆษณา (Facebook Ads) แต่ไม่ได้คลิ๊ก และมาคลิ๊กหลังจากนั้นภายใน 28 วันจะเป็นอย่างไร ??
Picture
โดยทั่วไปแล้ว เมื่อมีคนคลิ๊ก Ad และเข้าไปที่เวปไซด์ของคุณ เค้าจะไม่ได้ซื้อสินค้าเดี๋ยวนั้นเลยแต่จะกลับมาซื้อทีหลัง ซึ่ง Google Analytic จะไม่เก็บข้อมูลไว้ว่ามาจาก Facebook
 
ฟังก์ชั่นเสริมพิเศษอีกอันคือ Offline Conversion (อันนี้พึ่งมีเข้ามา ผมจะเอาตีแผ่ให้อีกครั้งคร๊าบ) ถ้าคุณไม่ได้ใช้ Pixel หรือ Tracking offline conversions  คุณจะเก็บข้อมูลได้น้อยมากและถ้าข้อมูลน้อย คุณก็ต้องตัดสินใจตามข้อมูลที่มี อาจจะทำให้เสียตังค์ ให้พี่มาร์ค ฟรีๆ อีกหลายตังค์ ก็ได้นะ
​

5.Split Testing (การทดสอบโฆษณา) ​

Picture
คุณต้องหาให้ได้ว่าอะไร WORK ที่สุด!! ณ ปัจจุบัน เราไม่สามารถ Run Campaign โฆษณาไปเดี่ยวๆได้อีกแล้ว นี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คุณไม่ประสบความสำเร็จ และมานั่งโทษว่า Facebook Ad มันใช้ไม่ได้แล้ว
 
ดังนั้น ทดลองให้มาก หาให้ได้ว่าอะไรมีผลมากที่สุดต่อกลุ่มเป้าหมายของคุณ ปรับให้มันเหมาะสม และทำซ้ำๆ ในสิ่งที่ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด
 
คุณสามารถทดลองมันได้ แบบง่ายๆ เช่น สร้าง Multiple campaigns, ad sets หรือคุณสามารถใช้ Function ใหม่ของ Facebook ได้ “Built-in split-testing tool”
​
Picture
Facebook ใจดีสำหรับ Function ใหม่นี้ ในการทำให้เราสามารถวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายโดยใช้ข้อมูลแบบ Scientific Approach (การทดลองตามหลักการวิทยาศาสตร์) โดยใช้งบประมาณไม่เยอะได้ เพราะต้องมีข้อมูลเพียงพอเพื่อทำให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประโยชน์ นำไปใช้ได้
 
หลายครั้งที่ ผมได้ฟังคนที่ลงโฆษณาแบบ Split testing โดยใช้ multiple ads ที่ใช้งบประมาณน้อยๆ ในแต่ละ Ad Set มันไม่มีปัญหาเลยครับ ถ้าคุณต้องการที่จะหา Engagement, Video Views หรือ Traffic แต่....ถ้าคุณต้องการยอดขายล่ะ ??
 
ถ้าคุณขายสินค้าชิ้นละ 1,000 บาท มันอาจจะต้องใช้เวลาและเงินในการหาผลลัพธ์ของการโฆษณาที่เหมาะสมจากเพียงแค่ 1 Ad Set แต่ผมแนะนำว่า คุณควรใช้เงินอย่างน้อย 1,000 บาทในการทดลองโฆษณา ก่อนที่จะวัดผลลัพธ์ของมัน...
 
เช่น ถ้าคุณทำ split testing ด้วยเงิน 1,000 บาทต่อวัน โดยทำ Ad Set หรือ Ad ที่แตกต่างกัน 5 Ad และมันขายได้ คุณจะสามารถวิเคราะห์ได้อย่างค่อนข้างชัวร์ว่า Ad ไหนมัน Work สำหรับคุณ!!
​

6.Imagery (การใช้ภาพ วีดีโอ) ​

Picture
อีกครั้งนะครับ ผู้ที่ลงโฆษณาต้องการที่จะรู้ว่า “รูปภาพแบบใดที่ดีที่สุดในการโฆษณา?” และผมอยากจะบอกว่า ถ้าทุกๆคนใช้หลักการแบบเดียวกัน รูปภาพแบบเดียวกันทั้งหมดใน Facebook สุดท้ายมันก็จะเหมือนๆกันไปหมด จนมันใช้ไม่ได้!!
 
ดังนั้น เรามามองกันอย่างนี้ดีกว่าครับ คุณต้องรู้ว่าคุณต้องการอะไรจากโฆษณานี้ ต้องการอะไรจากรูปภาพนี้ รูปภาพแบบนี้จะดึงความสนใจผู้คนได้ไหม?
 
ถ้าเราคิดได้อย่างนี้ รูปภาพจะช่วยเราในการเล่าเรื่องราวของสินค้า/บริการได้ แต่อย่างไรจำเป็นต้องมีข้อความ (Text) ที่ไม่เกิน 20% แม้ว่าจริงๆแล้ว จำนวนข้อความในรูปมีผลต่อการซื้อและต้นทุนการโฆษณาอย่างมากเลย (คลิ๊ก ทำอย่างไรให้ Facebook Ad น่าสนใจโดย Text ไม่เกิน 20%)
 
บางคนบอกว่า “รูปภาพ Close Up มีผลที่ดีมาก”, บางคนบอกว่า “สีสัน สดใส มีผลดี” อย่างไรก็แล้วแต่ คุณต้องทดลอง และหาให้ได้ว่าอะไร WORK สำหรับธุรกิจคุณ
​

7.Copy (ทำซ้ำ) ​

Picture
มีหลายๆคนถามว่า ถ้าเรา Test โฆษณาไปแล้วเราสามารถ Copy มาใช้ได้กับทุกๆ โฆษณาเลยหรือป่าว ?
 
ก่อนที่ผมจะตอบคำถามนี้ ผมอยากจะบอกว่าผมมั่นใจว่า มีบางคำโฆษณา บาง content ที่มันบอกว่าใช้ได้ผล แต่มันไม่ใช่ทุกครั้ง !!! มันไม่มีสูตรสำเร็จสำหรับการโฆษณาที่ใช้ได้กับทุกกลุ่มเป้าหมาย ทุกสถานการณ์ คุณต้องรู้จักกลุ่มเป้าหมาย และเข้าใจสถานการณ์ เพื่อตอบสนองให้เหมาะสม
 
ผมมีข้อเสนอแนะบางอย่าง ตามนี้ครับ
1.ใส่สิ่งที่เราต้องการสื่อ ใน 1-2 บรรทัดแรก (Get to the point in the first couple of lines) : แต่ไม่ใช่ว่าคุณต้องทำโฆษณาแค่ 1-2 บรรทัดนะ แต่ต้องรู้ว่า คุณต้องดึงความสนใจของคนที่เห็นโฆษณา และข้อความโฆษณาสามารถดึงดูดเค้าได้
 
2.ต้องมี Call-to-action (Have some sort of call-to-action) : ผมรู้ว่าคุณคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วนิ ทำไมต้องมาบอกด้วย แต่ผมเห็นหลายครั้งที่โฆษณาทำแค่แชร์ Link โดยไม่ได้เขียนอะไรด้วยซ้ำ
 
คุณต้องกำหนดสิ่งที่ต้องการลงในโฆษณาไปเลย นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณกำลัง Hard Sell อยู่นะ!! มันอาจจะเป็น “คลิ๊กดูรายละเอียด เพิ่มเติม” ก็ได้ แต่คุณต้องบอกคนอื่นที่เห็นโฆษณาว่าคุณต้องการให้เค้าทำอะไร
 
3. การเขียน ไวยกรณ์ คำ รูปแบบ อย่างถูกต้อง (Spelling, grammar and formatting are critical) มันแน่นอนที่ต้องถูกต้อง แต่คุณลองไปดูใน Facebook คุณก็ได้ครับ มี Ad มากมายที่ผิดพลาด
​

ตาคุณล่ะ.... ​

นี่คือสิ่งที่ผมเชื่อว่ามันเป็นสิ่งที่สำคัญที่ทำให้ Facebook Advertising ประสบความสำเร็จ สร้างยอดขายได้ แล้วคุณคิดเห็นอย่างไรครับ มีอะไรสิ่งใดเพิ่มอีกไหม?
 
มาแชร์กันที่ Comment ด้านล่างนี้ครับ   
​
Comments

      ติดตามข่าวสารการตลาดออนไลน์ ฟรีๆ เพียงกรอกอีเมลล์

    สมัครรับข่าวสารการตลาดออนไลน์
    Picture
    Marketing Coach อลันต์ (อ.โหน่ง)

    Author

    ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดออนไลน์ / อาจารย์ด้านการตลาด มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

    Archives

    August 2019
    July 2019
    June 2019
    May 2019
    April 2019
    January 2019
    September 2018
    July 2018
    October 2017
    September 2017
    July 2017
    April 2017
    March 2017
    February 2017
    December 2016
    October 2016
    August 2016

    Categories

    All
    พูดคุย สัพเพเหระ
    ก้าวทันโลกออนไลน์
    กลยุทธ์การตลาดออนไลน์
    กลยุทธ์ Facebook Marketing
    Online Marketing Tips

    RSS Feed

Update marketing trend with MARKETING COACH
​อ.โหน่ง อลงกรณ์ สุวรรณเวช Smartonline
​&Marketing Cuisine

Hours

M-F: 9am - 9pm

Telephone

094-789-2645

Email

smartonlineacademy@gmail.com
  • Home
  • About Us
  • Training
    • คอร์ส "ยิงโฆษณา Facebook Ads ให้ปัง...ด้วย Re-Targeting และ Facebook Conversion
    • Course พรีออเดอร์ญี่ปุ่น Pre-Order Japan
  • Contact Us
  • Online Marketing Service
    • Training Workshop ที่ผ่านมา
    • สมัครใช้งาน AR Yellow
    • บริการลงโฆษณา Facebook
  • Online Marketing Blog
  • Consulting - บริการให้คำปรึกษาธุรกิจ
    • 1-on-1 Digital Mkt Training&Consulting
    • Digital Mkt Consulting for BUSEM >
      • Facebook Ads & Line@ Convergence Workshop
  • Digital Marketing Research - ข้อมูลวิจัยการตลาดออนไลน์