Marketing Coach Aj.Nong (อ.โหน่ง) แหล่งรวมความรู้ Digital Marketing
  • Home
  • About Us
  • Training
    • คอร์ส "ยิงโฆษณา Facebook Ads ให้ปัง...ด้วย Re-Targeting และ Facebook Conversion
    • Course พรีออเดอร์ญี่ปุ่น Pre-Order Japan
  • Contact Us
  • Online Marketing Service
    • Training Workshop ที่ผ่านมา
    • สมัครใช้งาน AR Yellow
    • บริการลงโฆษณา Facebook
  • Online Marketing Blog
  • Consulting - บริการให้คำปรึกษาธุรกิจ
    • 1-on-1 Digital Mkt Training&Consulting
    • Digital Mkt Consulting for BUSEM >
      • Facebook Ads & Line@ Convergence Workshop
  • Digital Marketing Research - ข้อมูลวิจัยการตลาดออนไลน์

Digital Marketing Secrets

ในวันที่ Facebook Ads ใช้งานไม่ได้ คุณได้เตรียมพร้อมอะไรหรือยัง?

10/21/2016

Comments

 
Picture
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่าน ณ วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ.2559 ซึ่งเป็นวันที่คนไทยไม่อยากให้มีวันนี้ ซึ่งก็คือวันที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสร็จสวรรคต อันนำมาซึ่งความโศกเศร้าให้กับคนทั้งประเทศ เพราะพระมหากรุณาธิคุณที่หาใครเทียบเท่ามิได้ ทำให้ Social Media ทุกช่องทางในประเทศไทย ร่วมไว้อาลัยในเหตุการณ์ในครั้งนี้
Picture
Picture
ผมขออนุญาตพูดคุยกับทุกท่านในมุมของการตลาดออนไลน์ ที่มีผลกระทบต่อเหตุการณ์นี้​
จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทางสื่อหลักออฟไลน์และออนไลน์มีแนวทางปฏิบัติออกมาดังนี้ 
1. TV: ออกอากาศเป็นโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ...(ทรท) ตลอดทั้งวันทุกช่องเป็นระยะเวลา 2-4สัปดาห์ (ไม่มีโฆษณาหรือAd แสดงความไว้อาลัย จากเอกชนใดๆ)

2.สื่อOnline: Banner Ad, VDO ad, Branded Content จะถูกระงับโดย Media owner ตาม practice เดียวกับสื่อโทรทัศน์ ส่วน Social Media และ Fanpage ต่างๆ Content จะปรับเปลี่ยนไปขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าของเพจ

3. สื่อOOH: VDO ad บนจอ Digital Billboard จะถูกระงับโดย Media owner (PlanB, BTS, อื่นๆ) ส่วนป้ายนิ่งบิวบอร์ด จะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของ Media Owner และ Advertiser อาจเอาAd ลง, เปลี่ยนAd, คลุมผ้าดำ หรือใส่เพิ่มสัญลักษณ์ไว้ทุกข์ (รอสรุปจากสำนักพระราชวัง)

4. สื่อสิ่งพิมพ์: Commercial Ad ถูกระงับโดย Media owner, ส่วน Ad แสดงความอาลัยโดยเอกชน จะขึ้นอยู่กับ Publisher แต่ละรายว่าจะมีนโยบายรับ Adไว้อาลัยจากเอกชนหรือไม่อย่างไร

5. สื่อวิทยุ: ระงับการออกอากาศทันที และดึงสัญญาณเสียงจากโทรทัศน์รวมการ ฯ (ทรท) และกรมประชาสัมพันธ์ (1-4สัปดาห์)

จากการคาดการณ์ Intensive Period น่าจะอยู่ประมาณ 2-4 สัปดาห์ หลังจากนั้นจะค่อยๆปรับมาเป็นปกติ โดยน่าจะใช้ระยะเวลาขั้นต่ำ 2-3เดือน ทั้งนี้ ปัจจัยหลักจะขึ้นอยู่กับประกาศจากทางรัฐบาลและสำนักพระราชวังเกี่ยวกับระยะเวลาในการไว้อาลัยและพระราชพิธีต่างๆ

Picture
Picture
โดย ณ ปัจจุบัน สื่อการตลาดออนไลน์หลัก อาทิ Facebook ยังไม่เปิดให้แสดงโฆษณาแต่อย่างใด

ทำให้ผมเริ่มตระหนักถึงความไม่มั่นคง ความไม่แน่นอนของเครื่องมือการตลาดออนไลน์ที่คนนิยมกันมากที่สุด เพราะใช้ง่ายสุดอย่าง Facebook !!

แม้เหตุการณ์นี้จะเป็นแค่การชั่วคราว ไม่กี่วัน แต่มันช่วยให้เราคิดถึงความไม่แน่นอนของสื่อ social ที่เป็นแหล่งการตลาด (แห่งเดียว.. หรือป่าว) ของเรา และการทำ Facebook Ads โฆษณาอย่างเมามันส์ แล้วขายได้ ยอดขายถล่มทลาย อาจจะไม่ใช่หนทางที่จะทำให้ธุรกิจอยู่รอดและเติบโตอย่างยั่งยืนได้แล้ว 

ดังนั้น เราควรใช้เวลานี้ในการทบทวนว่า นอกจากการโฆษณา Facebook แล้วเราควรใช้ Facebook ในมุมใดเพิ่มเติมอีกบ้าง (ซึ่งผมพยายามจะสื่อสารกับทุกคนว่า Facebook คือการสร้าง Customer Community ไม่ใช่เพื่อการขาย) แะเราควรจะขยายการตลาดไปสู่ platform อื่นๆด้วยหรือไม่ และเราควรใช้เครื่องมืออื่นอย่างไร ?

ก่อนหน้านี้ มีคนขายของออนไลน์หลายๆคนบอกว่า ทำเพจแล้วขายของออนไลน์อย่างเดียว ยิงโฆษณาอย่างเดียวขายดี พอแล้ว แต่จริงๆแล้วมันพอหรือไม่ ? จำเป็นต้องทำเวปไซด์หรือไม่ ?

เวปไซด์ถือเป็นหน้าร้านออนไลน์ของธุรกิจเราก็ว่าได้ เปรียบเหมือน คุณเปิดร้านในห้างสรรพสินค้า คนอาจจะเดินผ่านหน้าร้านของคุณเยอะ แต่ถ้าห้างสรรพสินค้านั้น เกิดภัยภิบัติ ต้องปิดตัวไป ธุรกิจของท่านต้องปิดตัวไปด้วยหรือ? ท่านจะกระจายความเสี่ยงไปเปิดร้านค้า standalone หรือป่าว?

ธุรกิจออนไลน์ก็เช่นกัน เราควรมีเวปไซด์เป็นของตัวเอง นอกเหนือจาก เฟสบุ๊คเพจ หรือ Instagram อาจเป็นแค่ เวปเพจหน้าเดียว อธิบายแนะนำ ร้านค้าของคุณคร่าวๆเท่านั้นก็ได้ แต่ถ้า Advance กว่านั้นหน่อย ก็ควรมีระบบ Shopping Cart ในเวปไซด์ เพื่อให้ลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมสินค้าได้มากขึ้น (กรณีสินค้ามีหลากหลายชนิด หลากหลายประเภท) 

การสร้างเวปไซด์นอกเหนือจากเป็นร้านค้า Standalone ที่แยกออกจาก Platform Social Media อื่นๆ แล้ว ยังมีข้อดีอีกมากมาย ที่หลายๆคนยังไม่รู้ และไม่ค่อยมีใครบอกกัน (เพราะเค้าจะเอาไปเก็บตังค์จากการสอนล่ะซิ หุหุ)
Picture
รูปภาพจาก www.adventistbusinessconnect.com
5 เหตุผลที่ควรใช้ Website เป็นแกนหลักของธุรกิจมากกว่าใช้ Facebook Page

1.Facebook เป็น Platform ที่พึ่งเกิดขึ้นมาประมาณปี 2010 ตามหลังเวปไซด์ที่เกิดขึ้นมาก่อนปี 2000 ซึ่งห่างกันมากกว่า 10 ปี Platform Website เป็น Platform ที่ผ่านร้อน ผ่านหนาวมายาวนาน จนมนุษยชาติยอมรับ (ไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทยน้า) ให้เป็น Platform หลักของโลกออนไลน์ ที่ทุกคนเข้าใจและเข้าถึงมากที่สุด ส่วน Social Media อื่นๆ เป็นเพียงช่องทางในการสื่อสาร ประชาสัมพันธ์เท่านั้น (เปรียบเสมือน ท่านมีร้านค้าที่มีหน้าร้านอยู่ และใช้โทรทัศน์, วิทยุ เป็นตัวสื่อสารให้ลูกค้ามาเยี่ยม มาซื้อของที่ร้าน ไม่เช่นนั้น ท่านจะเป็นเหมือน TV Direct ที่ช่วยท่านประชาสัมพันธ์ขายของให้ท่านเป็นครั้งๆ แล้วก็จบกันไป...ประมาณนั้น)

2.กลุ่มลูกค้าที่ไม่ค่อยได้เล่น Facebook จะมีโอกาสเจอเวปไซด์ท่าน ผ่านระบบ Search Engine มากกว่า Facebook News-feed ของเค้า ซึ่ง Facebook Page จะมีโอกาสน้อยมากๆที่จะติดอันดับใน Search Engine เนื่องจาก Google และ Facebook ต่างก็เป็นคู่แข่งที่ไม่ต้องการให้ Platform อื่นๆ โผล่มาที่ Platform ของตัวเองเท่าใดนัก ทำให้กลุ่มลูกค้าท่านขยายเพิ่มเติมจาก Platform Facebook 

3. การตลาดรูปแบบ Re-Targeting/ Re-Marketing หรือการตลาดที่ทำซ้ำกับกลุ่มลูกค้ามุ่งหวัง ที่เกือบเป็นลูกค้าแล้ว กระตุ้นให้มาเป็นลูกค้าแบบเนียนๆ ซึ่งจะเป็นกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ ที่เป็น Highlight ใน 2-3 ปีนี้อย่างแน่นอน ซึ่งจำเป็นอย่างมากๆๆๆ ที่ต้องมีเวปไซด์ ถ้าไม่มีเวปไซด์ก็ไม่สามารถใช้กลยุทธ์ Re-Targeting / Re-Marketing นี้ได้ (ไม่มีก็จบ...ในอีก 2 ปีข้างหน้า)

4. Facebook Page ไม่ใช่ของๆเรา เค้าเพียงให้เราใช้ฟรีตอนนี้....ก็เท่านั้น !!! ถ้าต่อไปเค้าจะคิดเงินค่าเปิดเพจ ค่าดำเนินการรายเดือนแล้วท่านจะทำอย่างไร ? (แม้ว่ากรณีนี้น่าจะไม่มีทางเกิดขึ้น เพราะเค้าทำเงินได้จากการที่มีคนมาเปิดเพจฟรีๆกับเข้าอยู่แล้ว) แต่การควบคุมทุกอย่างจะไปอยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่คุณอีกต่อไป... ถ้าเพจคุณอยู่ๆ ก็มีคู่แข่งแจ้งแบนเพจคุณล่ะ และ Facebook สมมุติว่าเชื่อตามเค้าด้วย ร้านค้าออนไลน์ของคุณจะหายไปทันที (ขอคืนก็ยากถึงยากมากด้วย หุหุ) แต่ถ้าเราทำเวปไซด์ขึ้นมา จะไม่มีใครที่จะมาปิดเวปไซด์ของคุณได้ (ยกเว้น...คสช. 555) 

5. การสร้าง Customer Community จำเป็นต้องใช้ Facebook แต่การจะปิดการขายที่ได้ผลมากที่สุด จำเป็นต้องปิดการขายด้วย Web Page หรือหน้า Sale Page ถึงจะสามารถกล่อมลูกค้าให้ตัดสินใจซื้อสินค้ากับคุณได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าสินค้าของคุณราคาค่อนข้างสูง ก็ยิ่งจำเป็นต้องมี Sale Page เพื่อกล่อมลูกค้าให้หลงและซื้อสินค้าของคุณ (ถ้าใช้ Facebook Page มีโอกาสอย่างมากที่ลูกค้าจะหลุดไปหาคู่แข่งคนอื่น เพราะลูกค้าก็จะเห็น Facebook Ads โฆษณาจากคู่แข่งด้วยเช่นกัน...อาจทำให้ลูกค้าเปลี่ยนใจในเสี้ยววินาทีก็เป็นไปได้)
ครั้งหน้า เราจะมาคุยกันในเรื่องการสร้าง Customer Community ด้วย Facebook เพื่อการสร้าง Customer Loyalty นอกจากจะเพิ่มยอดขายแล้ว ยังช่วยรักษาฐานลูกค้าให้อยู่กับเราตลอดไปด้วย ไม่ใช่แค่ยิง Facebook Ads โฆษณาไปหาลูกค้าเท่านั้นแล้ว ลูกค้าจะซื้อ...คุณต้องทำมากกว่านั้น คุณถึงจะอยู่รอดได้ในธุรกิจออนไลน์ในอีก 2-3 ปีข้างหน้าครับ ...

Written by อลงกรณ์ สุวรรณเวช (อ.โหน่ง)

Comments

      ติดตามข่าวสารการตลาดออนไลน์ ฟรีๆ เพียงกรอกอีเมลล์

    สมัครรับข่าวสารการตลาดออนไลน์
    Picture
    Marketing Coach อลันต์ (อ.โหน่ง)

    Author

    ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดออนไลน์ / อาจารย์ด้านการตลาด มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

    Archives

    August 2019
    July 2019
    June 2019
    May 2019
    April 2019
    January 2019
    September 2018
    July 2018
    October 2017
    September 2017
    July 2017
    April 2017
    March 2017
    February 2017
    December 2016
    October 2016
    August 2016

    Categories

    All
    พูดคุย สัพเพเหระ
    ก้าวทันโลกออนไลน์
    กลยุทธ์การตลาดออนไลน์
    กลยุทธ์ Facebook Marketing
    Online Marketing Tips

    RSS Feed

Update marketing trend with MARKETING COACH
​อ.โหน่ง อลงกรณ์ สุวรรณเวช Smartonline
​&Marketing Cuisine

Hours

M-F: 9am - 9pm

Telephone

094-789-2645

Email

smartonlineacademy@gmail.com
  • Home
  • About Us
  • Training
    • คอร์ส "ยิงโฆษณา Facebook Ads ให้ปัง...ด้วย Re-Targeting และ Facebook Conversion
    • Course พรีออเดอร์ญี่ปุ่น Pre-Order Japan
  • Contact Us
  • Online Marketing Service
    • Training Workshop ที่ผ่านมา
    • สมัครใช้งาน AR Yellow
    • บริการลงโฆษณา Facebook
  • Online Marketing Blog
  • Consulting - บริการให้คำปรึกษาธุรกิจ
    • 1-on-1 Digital Mkt Training&Consulting
    • Digital Mkt Consulting for BUSEM >
      • Facebook Ads & Line@ Convergence Workshop
  • Digital Marketing Research - ข้อมูลวิจัยการตลาดออนไลน์